สืบนครบาล รวบหนุ่มเมีย 2 ลูก 5 ใช้เฟซบุ๊กอวตาร ตุ๋นขายพระเครื่องราคาถูก ติดแบล็กลิสต์บัญชีคนโกง คดียาวเป็นหางว่าว สอบสวนยังปากแข็ง
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ สั่งการให้ พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือ พ.ต.ท.เฉลิมพงษ์ ธรรมมียะ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. และชุดสืบสวนกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัวนายเดโช ทองประเสริฐ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.249/2562 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2562
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ และร่วมกันฉ้อโกง” จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 28/110 ภายในหมู่บ้านสระบุรีบ้านสวย 2 ต.ปากเพียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี
สืบเนื่องจากผู้ต้องหาตามหมายจับมีพฤติการณ์สร้างบัญชีเฟซบุ๊กหลายบัญชี ประกอบด้วย ชื่อบัญชี “รังเทพ ธวัชชัย“, “เอกลักษณ์ จอร์จ ท่าพระจันทร์“, “ธณวดี อาร์ท มรดกไทย“, “นฤบดินทร์ โอ๊ด มรดกไทย“, “ณภัส อ้วน ท่าพระจันทร์“, “Thaprajan beer thira“, “Thira thaprajan“, “Thaprajan Kanhh“, “วีระ จืด มรดกไทย” และ “ไพรัช เซ็ง ปากน้ำ”
โดยผู้ต้องหาได้เข้าไปโพสต์หลอกขายพระเครื่องและวัตถุมงคลในกลุ่มเฟซบุ๊กจำนวนมาก เช่น กลุ่ม “เพื่อน รักและศรัทธา พ่อท่านเขียว วัดหรงบน“, “เปิดกรุพระแท้“, “ชมรมคนรักพระกริ่งสากล“, “คนรักพระปิดตา วัดหนัง วัดทองและพระเนื้อสัมฤทธิ์“, “หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร“, “หลวงพ่อทวด วัดคอกหมู มาตรฐานสากล“, “หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ศึกษาแลกเปลี่ยน“, “สุดยอดพระเครื่องวัดหนัง” เป็นต้น
ผู้ต้องหาใช้บัญชีธนาคารที่ได้จากผู้เสียหาย ประกอบด้วย บัญชีธนาคารชื่อบัญชี น.ส.อาภาพร โดยอาษา เป็นของแฟนสาว, บัญชีธนาคารชื่อบัญชี นายกิมเหม่ง ทองประเสริฐ เป็นของบิดา และบัญชีธนาคารชื่อบัญชี นางพัทรวรรณ ทองประเสริฐ จนมีชื่อติดอยู่ในแบล็คลิสต์บัญชีคนโกงต่างๆ https://www.blacklistseller.com/report/report_preview/10822 และเป็นบุคคลเฝ้าระวังในเพจกลุ่มพระเครื่อง https://www.xn--12cbq0iqa2c5a7o.com/mbdetail.php?id=Q01013618
ส่วนใหญ่ผู้ต้องหาจะเข้าไปโพสต์ขายพระเครื่องและวัตถุมงคลในราคาที่ถูกกว่าราคามาตรฐานที่ลงขายในกลุ่มพระเครื่องและวัตถุมงคล เมื่อมีผู้สนใจก็จะให้ลูกค้าโอนเงินค่าของมาก่อน หรือวางมัดจำ จากนั้นผู้ต้องหาจะทำนิ่งเฉยไม่ส่งของ เมื่อได้รับการทวงถามสินค้าก็จะด่าว่าลูกค้า หรือพิมพ์ข้อความหยาบคายกวนอารมณ์ และบล็อกเฟซบุ๊กของลูกค้า บางกรณีเห็นว่าลูกค้ารู้ทันกลโกงหรือมีผู้ที่เคยถูกหลอกมาโพสต์ประจาน ผู้ต้องหาก็จะด่าว่าหรือขู่ว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่รู้ทันทันที
ที่ผ่านมาผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในความผิดเดียวกันนี้มาแล้ว จำนวน 5 ครั้ง ประกอบด้วย ปี 2562 ถูกจับกุมข้อหา “ฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา, ปี 2562 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.ธัญบุรี, ปี 2563 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์
ปี 2563 ถูกจับกุมข้อหา “ตัวการในการกระทำความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
ปัจจุบันผู้ต้องหาไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง รวมทั้งเป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่จากการขยายผลตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาได้ผูกเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ก่อเหตุเมื่อปี 2562 ไว้ แม้จะอ้างว่าโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของญาติ คาดว่าน่าจะเอาเงินที่หลอกเหยื่อมาใช้จ่าย เนื่องจากมีภรรยา 2 คน และลูก 5 คน เจ้าหน้าที่คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ฝากแจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อบุคคลที่หลอกลวงขายสินค้าประเภทต่างๆ ในราคาถูก โดยการโอนเงินมัดจำหรือจ่ายเงินค่าสินค้าทั้งหมด โดยที่ยังไม่ได้สิ่งของฃก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ได้ ควรตรวจสอบผู้จัดจำหน่ายว่าเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ หรือมีการรับประกันสินค้า ให้เรียบร้อยก่อนการชำระเงิน