เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
กาฬสินธุ์-สืบจังหวัดจับ 3 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์คาโรงพัก หลังร่วมกันรีดเงินญาติผู้ต้องหาคดียาบ้า
5 แสนบาท ด้านผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ร่อนหนังสือรายงาน ผบ.ตร.แต่ยังติดต่อไม่ได้ ขณะที่ผู้การจังหวัด ยอมรับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย ลั่นหากผิดจริงฟันไม่เลี้ยง
วันนี้( 25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากโลกออน์ไลน์มีการแชร์หนังสือข่าวส่งจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ลงชื่อ พ.ต.อ.อิทธเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายงานคดีที่น่าสนใจ กรณีตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ถูกตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์จับกุมคาห้องสืบสวน หลังร่วมกันเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถาม พ.ต.อ.อิทธเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่ห้องทำงานโรงพัก เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าไม่ใครอยู่ และพยายามโทรศัพท์สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนบริเวณห้องสืบสวนก็ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ประตูห้องปิดล็อค จึงได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์
พล.ต.ต.สุวรรณ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เบื้องต้นมีตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ถูกจับและถูกแจ้งความดำเนินคดี 3 นาย หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ดำเนินคดีทางอาญาอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบวินัย หากพบว่ามีการกะทำผิดจริงจะไม่มีการละเว้นและต้องถูกดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยขั้นเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผย สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจาก นางมณีรัตน์ ดวงวิสัย ว่า นายทวีศักดิ์ ดวงวิสัย ซึ่งเป็นพี่ชาย ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดปฏิบัติการใด จับกุมตัวมา พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จํานวน 2,000 เม็ด ต่อมาชุดจับกุมดังกล่าวได้ติดต่อมาหา นางมณีรัตน์ โดยบอกว่าให้นําเงิน จํานวน 5000,000 บาท มาให้ เพื่อแลกกับการไม่ให้ถูกจับกุมตัวนายทวีศักดิ์ ซึ่งนางมณีรัตน์ ได้เจรจา ต่อรองลดลงเหลือ 400,000 บาท พร้อมกับตอบตกลงที่จะนําเงินมาส่งมอบให้บริเวณหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 09.00 น.ซึ่งถ้าไม่มา จะถูกส่งดําเนินคดีกับพนักงานสอบสวน
เมื่อทราบดังนั้นนางมณีรัตน์ ก็ได้นําเงินจํานวนดังกล่าวไปลงบันทึกประจําวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน ที่ สภ.สมเด็จ จ. กาฬสินธุ์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุม ได้วางแผนโดยตกลงกันว่าให้ นางมณีรัตน์ นํากระเป๋าภายในบรรจุเงิน จํานวนดังกล่าวไปมอบให้บุคคลตามที่ตกลงกันไว้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้ยืนดูสังเกตการณ์อยู่บริเวณลานจอดรถ ด้านหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ใกล้กับห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อรับมอบเงินกันเสร็จแล้วนางมณีรัตน์ จะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม
เมื่อนางมณีรัตน์ เดินทางมาถึงด้านหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียก และพานางมณีรัตน์ เข้าไปห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ประมาณ 10 นาที ก็ได้เดินทางออกมา และได้โทรศัพท์แจ้งให้ พ.ต.อ.เกษม ทราบว่า ได้ส่งมอบเงินให้ผู้ต้องหาพร้อมพวกแล้ว
จากนั้น พ.ต.อ.เกษมได้เข้าไปที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์พบตํารวจทั้ง 3 นาย คือ ตำรวจยศ “ด.ต.” อายุ 27 ปี, ตำรวจยศ “ส.ต.อ.” อายุ 30 ปี และ ตำรวจยศ “ส.ต.อ.” อายุ 27 ปี นั่งอยู่ในห้องสืบ และสอบถามว่า ผู้ต้องหาชื่อนายทวีศักดิ์ อยู่ที่ใด ตำรวจทั้งสามนายแจ้งว่า “ให้กลับบ้านแล้ว” และได้ตรวจยึดกระเป๋าเงินพร้อมธนบัตร จํานวนเงิน 364,000 บาท ไว้เป็นของกลาง จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้สอบถามว่ามีใครได้ร่วมรู้เห็นและกระทํา ผิดในครั้งนี้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสาม ยังให้การตรงกันว่ามีผู้ร่วมรู้เห็นและการกระทําในครั้งนี้อีก 8 ราย ประกอบด้วย นายตำรวจยศ “ร.ต.อ.”, นายตำรวจยศ “ร.ต.ท.”, ตำรวจยศ “ด.ต.” 2 นาย, ตำรวจยศ “จ.ส.ต.” 3 นาย และตำรวจยศ “ส.ต.อ.” อีก 1 นาย
ทั้งนี้เบื้องต้นพ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ได้ได้แจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.พิชัย กงทิพย์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีกับตำรวจ 3 นาย ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เหตุเกิดที่ห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ส่วนตำรวจที่ถูกซัดทอดอีก 8 นายจะดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป