‘นร.-ครู’แตกตื่น! ไฟไหม้รถบัสโรงเรียนคาดไฟลัดวงจร

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ร.ต.อ.ภาคภูมิ ภูสมนึก รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุไฟไหม้รถบัสภายในโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ และเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยเมตตาธรรมและอาสาสมัครกู้ภัยใน จ.กาฬสินธุ์ ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องน้ำด้านหลังโรงเรียนพบไฟกำลังลุกไหม้ภายในห้องโดยสารรถบัส 2 ชั้น สีเขียว-ขาว ทะเบียน 40-0124 กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นรถบัสของโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และอาสาสมัครกู้ภัย ช่วยกันระดมฉีดน้ำดับไฟใช้เวลานานกว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ท่ามกลางความแตกตื่นของนักเรียนและครู เนื่องจากอยู่ในช่วงกำลังพักเที่ยงกลางวัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด


                


จากการสอบถามนายปรีชา เกื้อกูล อายุ 58 ปี คนขับรถบัส กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้มาสตาร์ตอุ่นเครื่องตามปกติ เนื่องจากช่วงนี้รถบัสโรงเรียนไม่ค่อยได้วิ่งใช้งาน โดยได้หมุนกุญแจสตาร์ต 2-3 ครั้งแต่ไม่ติด จึงไปขยับขั้วแบตเตอร์รี่ และทำการสตาร์ตอีกครั้ง ปรากฏว่ากลับมีควันและเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณคัตเอาต์ภายในห้องโดยสารด้านท้ายของรถ ก่อนที่ไฟจะลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือครู และแจ้งพนักงานดับเพลิงเข้ามาทำการดับไฟ

                


ด้านนายเทอดเกียรติ ขันธ์พิมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ กล่าวว่า สำหรับรถบัสของโรงเรียนคันดังกล่าว ปกติทางโรงจะใช้ในการเดินทางไปทัศนศึกษา และภารกิจต่างๆ ของนักเรียนและคณะครู แต่ช่วงนี้ไม่ได้ใช้งานเดินทาง เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 จึงได้จอดไว้บริเวณหน้าห้องน้ำหลังโรงเรียน แต่จะมีพนักงานขับรถคอยหมั่นตรวจเช็กความพร้อมอยู่ตลอด และคอยสตาร์ตอุ่นเครื่องเกือบทุกวัน ซึ่งก่อนเกิดเหตุทราบว่าพนักงานขับรถได้มาสตาร์ตเครื่องปกติ แต่กลับมีควันและไฟพวยพุ่งขึ้นมาและเพลิงได้ไหม้อย่างรวดเร็วบริเวณคัตเอาต์ภายในห้องโดยสารด้านท้ายของรถ เบื้องต้นคาดว่าระบบไฟฟ้าภายในรถลัดวงจร จึงเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ามีความเสียหายประมาณ 2 แสนบาท เนื่องจากเบาะนั่งและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสารทั้ง 2 ชั้นเสียหายทั้งหมด ซึ่งจะมีการประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง และรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาต่อไป.