
สถานการณ์น้ำหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ต.ค. สถานการณ์น้ำในแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี ระดับลดลงต่อเนื่อง ทำให้เส้นทางจราจรที่เคยถูกน้ำท่วมสูงเริ่มกลับมาใช้ได้บ้างแล้ว เช่น ทางหลวงหมายเลข 23 ถนนแจ้งสนิท ช่วง อ.เขื่องใน-อ.เมืองอุบลราชธานี กลับมาใช้ได้ปกติ ส่วนเส้นทางหลวง 231 เลี่ยงเมืองหาดคูเดื่อ-บ้านทัพไทย หน้าห้างเซ็นทรัล อุบลฯ รถขนาดเล็กไม่ควรผ่านเพราะบางจุดน้ำยังสูงเลยหัวเข่า รถกระบะยกสูงและรถบรรทุกจึงจะผ่านได้ ที่ถนนสรรพสิทธิ์ด้านข้างห้างเซ็นทรัลถึง ร.ร.เบ็ญจะมะมหาราช รถเล็กสัญจรผ่านได้แล้ว ประชาชนออกมาขับรถส่วนตัวเพื่อเดินทางมาจับจ่ายซื้อของในวันหยุดยาวจำนวนมาก หลังห้างปิดเพราะน้ำท่วมกว่า 1 สัปดาห์
ขณะที่เส้นทางหลักบริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตยจาก อ.เมืองอุบลฯ อ.วารินชำราบ มีน้ำท่วมผิวจราจรถึงน่อง รถขนาดเล็กห้ามผ่าน จะมีแต่รถของมณฑลทหารบกที่ 22 และรถของสภากาชาดไทย รวมทั้งภาคเอกชนให้บริการประชาชนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 20.30 น. งดการให้บริการเรือข้ามฟากและคาดการณ์ว่าน้ำจะลดระดับลงมาอยู่ในระดับปกติประมาณกลางเดือน พ.ย.นี้ ปัจจุบันยังมีประชาชนได้รับผลกระทบน้ำท่วมบ้านเรือนต้องอพยพเหลืออยู่ 9 อำเภอ จากที่ต้องอพยพทั้งหมด 13 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ อ.ตาลสุม อ.เขื่องใน อ.ดอนมดแดง อ.สว่างวีระวงศ์ อ.พิบูลมังสาหาร อ.สำโรง และอ.สิรินธร 35 ตำบล หมู่บ้าน 222 หมู่บ้าน 9,204 ครัวเรือน 28,747 คน แยกเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว 106 จุด จำนวน 4,786 ครัวเรือน 16,759 คน พักบ้านญาติจำนวน 2,056 ครัวเรือน 5,398 คน และอพยพขึ้นที่สูง 2,362 ครัวเรือน 6,690 คน
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำชีที่ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งระดมอุดช่องทางที่ขาดด้วยตะแกรงเหล็กเป็นวันที่ 7 นายทวีศักดิ์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและรักษาลำปาววางแผนซ่อมพนังขาดประมาณ 50 เมตรน้ำไหลแรงมาก เนื่องจากแม่น้ำชีหนุนสูง ตอนนี้เหลืออีกอยู่ประมาณ 5 เมตรจะสามารถซ่อมคันพนังเสร็จ จุดปัญหาคือกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวยิ่งบีบเข้าไปใกล้กันกระแสน้ำยิ่งไหลแรง ทำให้คันพนังขยายกว้างอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อจะให้การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนำเสาไฟฟ้าจำนวน 70 ต้น มาทำแนว ชะลอน้ำเพื่อซ่อมแซมจนกว่าจะแล้วเสร็จ
ด้านนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ รักษาราชการแทน ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อสำรวจเส้นทางระบายน้ำเพิ่มเติม หลังจากมวลน้ำลำน้ำชีไหลเข้าท่วมในพื้นที่ อ.ฆ้องชัย ก่อนจะขยายวงกว้างเข้าสู่ อ.กมลาไสย และไหลเข้าท่วมถนนเส้นทางกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด การจราจรไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทั้งนี้ มวลน้ำจากลำน้ำชีไหลรวมเข้ากับน้ำ ค้างทุ่งในพื้นที่ อ.กมลาไสย ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จำเป็นต้องเร่งระบายน้ำลงสู่น้ำชี นอกจากนี้ยังสำรวจจุดระบายน้ำเพิ่มเติมกำหนดจุดที่กิโลเมตรที่ 31 บ้านแจ้งจม ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย เพื่อระบายน้ำของ อ.กมลาไสยลงสู่ลำน้ำชีโดยเร็วที่สุด
ส่วนนายสงัด ช่างเชื่อง อายุ 79 ปี ชาวนาในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า มองดูต้นข้าวในนาถูกน้ำท่วมนานกว่า 1 เดือน ต้นข้าวเน่าตายเสียหายทั้งหมดหลายสิบไร่ ตนเดือดร้อนมากต้องเป็นหนี้สิน เนื่องจากลงทุนทั้งค่าไถเมล็ดพันธุ์และค่าปุ๋ยเฉลี่ยไร่ละเกือบ 1,000 บาท เนื่องจากบริเวณนาข้าวเป็นทางน้ำไหลผ่านอยู่ติดกับถนนสายบ้านส่วยไป ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือเยียวยาชาวนาหลายหมู่บ้านใน ต.ในเมือง ต.รังกาใหญ่ ต.สัมฤทธิ์ ต.ธารละหลอด ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ช่วงนี้เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะช่วงจะเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่น้ำเอ่อเข้าท่วมเก็บเกี่ยวไม่ทันข้าวเน่าตายเสียหายทั้งหมด

ที่ จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยรับแจ้งขอความช่วยเหลือรถยนต์จมน้ำอยู่บนถนนเส้นขุนอิน-ป่างิ้ว หลังวัดน้ำอาบ อ.โพธิ์ทอง ไปตรวจสอบถนนน้ำท่วมถึงเอว พบรถเชฟโรเลต แคปติวา สีขาว ทะเบียน ญห 2928 กรุงเทพมหานคร จอดเครื่องยนต์ดับจมน้ำครึ่งคัน เจ้าหน้าที่นำรถโฟร์วีลยกสูงลากรถไปที่สูง สอบถามเจ้าของรถคันจมน้ำทราบว่า ขับรถมาทำธุระกับเพื่อนที่ อ.โพธิ์ทอง ขณะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เปิดจีพีเอสนำทางผ่านถนนมีน้ำท่วมวิ่งไปเรื่อยๆ ระดับน้ำยิ่งสูงขึ้นจนเครื่องยนต์ดับรีบแจ้งขอความช่วยเหลือ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่วัดพิกุลโสคันธ์ หมู่ 2 ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมถึงหน้าอก ญาติช่วยกันยกโลงศพนายสำเนา สุขเลิศกิข อายุ 81 ปี เสียชีวิตโดยโรคชราออกจากศาลาใส่เรือท้องแบน มีพระและเณรนั่งเรือไปด้วยวนรอบเมรุ 3 รอบ แล้วแบกโลงขึ้นไปตั้งไว้บนเมรุอย่างทุลักทุเล ญาติและชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำไปวางดอกไม้จันทน์ จากนั้นประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ขณะที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยข้อมูลว่า วัดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบรวม 11 อำเภอ จำนวน 207 วัด ที่ อ.พระนครศรีอยุธยา มีวัดถูกน้ำท่วมมากที่สุด 42 วัด
นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รอง ผวจ.สิงห์บุรี ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมสถานที่จัดกิจกรรมผลิตสารบำบัดน้ำเสีย EM Ball เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.สิงห์บุรี ณ อาคารอเนกประสงค์ สนามกีฬาองค์การบริหารจังหวัดสิงห์บุรี มี น.ส.ชนชนก จันทร์เพ็ง เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สิงห์บุรีเริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำเริ่มลดลงในหลายพื้นที่ เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียในจุดที่น้ำไม่มีการระบาย ด้วยความห่วงใยจากผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี สั่งให้เร่งการจัดทำสารบำบัดน้ำเสียและ EM Ball เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยาพบว่า เขื่อนเจ้าพระยาลดการระบายน้ำลง แต่ยังระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอัตราที่สูง 2,602 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลทำให้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและท่วมสูงในหลายพื้นที่ของ จ.พระนคร ศรีอยุธยา น้ำท่วมพื้นที่รวม 15 อำเภอ 158 ตำบล 1,020 หมู่บ้าน 80,111 ครัวเรือน ส่วนที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีทั้งหมด 16 ตำบล ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 14 ตำบล 104 หมู่บ้านประชาชนได้รับความเดือดร้อน 6,025 ครัวเรือน ส่วนที่ ต.ลาดน้ำเต็ม อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลบ่าแนวคันกั้นน้ำเข้าทุ่งและบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว น้ำท่วมมากว่า 3 เดือน
นายคธาธร ผ่องญาติ อายุ 46 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.ลาดน้ำเค็ม อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เกษตรกรปลูกต้นโป๊ยเซียนเปิดเผยว่า น้ำไหลบ่ามาจากทางทุ่งไผ่ดำ จ.อ่างทอง เข้ามาทางหลังหมู่บ้านเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ทยอยเก็บของและต้นโป๊ยเซียนและทำแนวคันดินป้องกันพื้นที่ แต่น้ำมาเร็วมากท่วมโรงเพาะชำ ต้นโป๊ยเซียนที่เป็นแม่พันธุ์และต้นลูกเสียหายกว่า 30,000 ต้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 500,000 บาท เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรแนะนำว่าให้นับเป็นจำนวนต้นจากกระถางที่เหลือซากอยู่ และถ่ายภาพทำเรื่องเสนอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ส่วนชาวบ้านในชุมชนหมู่ 4 ต.บ้านแค อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำไหล เข้าท่วมภายในชุมชนต้องขนย้ายรถยนต์ และรถ จยย. มาจอดเอาไว้ด้านนอกถนน ในหมู่บ้านระดับน้ำเพิ่มสูงถึงน่องขา

ที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า ควายฝูงใหญ่ต้อนหนีน้ำมาจากวัดไก่เตี้ย หมู่ 1 ต.กระแชง อ.สามโคก นำมาเลี้ยงที่ดินของชาวบ้าน แต่ไม่มีหญ้า และฟางกินจนทำให้ควายผอมหิวโซ ไปตรวจสอบพบควาย 9 ตัว นอนจมปักโคลนกลางแดดจ้า ลำตัว ซูมผอม โดย 1 ในนั้นมีลูกควายเพศผู้อายุ 10 วันชื่อ “ธารา” ที่เพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 13 ต.ค. จมอยู่ในโคลน ชาวบ้านช่วยอุ้มไปอยู่ที่แห้ง สอบถาม น.ส.เอ๋ ชาวบ้านที่คอยดูแลเปิดเผยว่า เป็นจิตอาสา คอยดูแลควายที่อยู่ในคอกนี้เป็นบางครั้งในช่วงว่างงาน ควายทั้งหมดเป็นของวัดไก่เตี้ย มีผู้ใจบุญนำมาบริจาค หรือมาทำพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ แล้วนำมาถวายพระ ให้เป็นผู้ดูแล แต่ต่อมาเกิดน้ำท่วมวัด เจ้าอาวาสนำควาย จำนวน 8 ตัว มาอาศัยในพื้นที่แห้งบริเวณลานดินของชาวบ้าน กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ต.ค. แม่ควายชื่อ “นางส้ม” ตกลูกเป็นเพศผู้ออกมา 1 ตัว ตนตั้งชื่อ ว่า “ธารา” เพราะเห็นว่าเกิดในช่วงน้ำท่วม ขณะนี้ ควายไม่มีหญ้ามาหลายวันแล้ว จนลำตัวซูบผอม วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
ขณะที่นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชล ประทาน รายงานถึงสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,563 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำสะแกกรัง 67 ลบ.ม./วินาที ก่อนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยารวม 520 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เริ่มทยอยลดลง กรมชลประทานทยอยปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,602 ลบ.ม./วินาที
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ในช่วงวันที่ 25-27 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น
ส่วนในช่วงวันที่ 28-29 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศ จีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะเริ่มลดลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงในระยะถัดไป
สำหรับร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนกลางและตอนล่างตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร