สองสามีภรรยาดวงตาพิการ ชาวตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เคยเลี้ยงชีพด้วยการนวดแผนไทยและเบี้ยสวัสดิการ ปัจจุบันลูกค้าหายหมด แถมจะออกไปหารับจ้างและซื้ออาหารก็ลำบาก เนื่องจากทางเข้าบ้านมีน้ำขังและหลุมบ่อ เป็นอุปสรรคในการเดินทาง ร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมแซม ขณะที่คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลกมลาไสยลงพื้นที่สอบถามความเป็นอยู่ พร้อมหาทางช่วยเหลือและเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้แล้ว
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2564 ที่บริเวณทางเข้าบ้านเลขที่ 56/3 ม.4 ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายวุฒิชัย สรรพลุน รองนายกเทศมนตรีกมลาไสย พร้อมด้วยนายสักรินทร์ ภูงามเงิน ปลัด ทต.กมลาไสย นางกัญญาภัทร สีบุญมา ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม และเจ้าหน้าที่กองช่าง ทต.กมลาไสย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนกับนายธีรภาพ ปัญจะศรี อายุ 43 ปี และนางประชิต เป็นไทย อายุ 65 ปี 2 สามีภรรยาสายตาพิการ 2 ข้าง ทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ทั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่หลังได้รับแจ้งว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถนนหน้าบ้านซึ่งเป็นลูกรัง เต็มไปด้วยหลุมบ่อ โดยเฉพาะในวันที่มีฝนตก เกิดน้ำขังและโคลนตม เป็นอุปสรรคอย่างมากในการเดินทางเข้าออกไปธุระ ไปซื้ออาหาร นอกจากนี้รถส่งน้ำ ส่งอาหาร ยังเข้าไม่ถึง เนื่องจากกลัวติดหล่มอีกด้วย
นางประชิต เป็นไทย กล่าวว่า ตนตาบอดเมื่อประมาณปี 2540 เนื่องจากประสาทตาเสื่อมมองไม่เห็น ส่วนนายธีรภาพ ปัญจะศรี สามีตาบอดมาแต่กำเนิด ปัจจุบันอาศัยที่บ้านหลังนี้ 2 คน เนื่องจากลูกไปทำงานที่ต่างจังหวัด ความเป็นอยู่ช่วงนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะตนกับสามีตาบอดทั้ง 2 ข้าง ไม่สามารถมองเห็นได้ การเคลื่อนไหวร่างกายต้องใช้ไม้คอยนำทางตลอด โดยเฉพาะจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ไม่มีลูกค้ามาใช้บริการบีบนวดเลย ทั้งอาจจะกลัวได้รับเชื้อโควิดและเดินทางเข้ามาลำบาก ขณะที่ตนกับสามีก็ออกไปรับจ้างบีบนวดหรือออกมาซื้ออาหารก็ลำบาก ทำให้คนตาบอดอย่างตนและสามีขาดรายได้ เพราะได้รับความเดือดร้อนทั้งจากถนนเข้าบ้านมีน้ำขังและโคลนตม และขาดรายได้จากการบีบนวดรับจ้างดังกล่าว
ด้านนายธีรภาพ ปัญจะศรี กล่าวว่า นอกจากตนกับภรรยา ซึ่งตาบอดทั้ง 2 คน จะได้รับความเดือดร้อน เดินออกมาซื้ออาหารไม่ได้แล้ว คนที่จะเข้ามาใช้บริการนวดก็ไม่อยากจะเข้ามา เพราะทางเข้าบ้านลำบาก รวมทั้งรถจะเข้ามาส่งน้ำ ส่งอาหาร ก็เข้ามาไม่ได้ เพราะกลัวจะติดหล่ม จึงได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ช่วยประสานทางเทศบาลตำบลกมลาไสย หาแนวทางช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณคณะผู้บริหาร ทต.กมลาไสย และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับครอบครัวตน โดยปรับปรุงถนนเข้าบ้านพักให้ในครั้งนี้ เพื่อที่จะมีรถเข้ามาส่งน้ำส่งอาหารได้ และมีลูกค้ามาใช้บริการนวดแผนไทยได้เดินทางสะดวกขึ้น
ขณะที่นายวุฒิชัย สรรพลุน รองนายกเทศมนตรีกมลาไสย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายธีรภาพและนางประชิต กรณีถนนเข้าบ้านพักเป็นหลุมบ่อ น้ำขังและโคลนตม เดินทางเข้าออกลำบาก ทั้งนี้ จากการสำรวจถนนดังกล่าว ความกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร ใช้ประโยชน์ 2 หลังคาเรือน หลังแรกเป็นบ้านของข้าราชการตำรวจนายหนึ่ง ถัดเข้าไปข้างในเป็นบ้านของสามีภรรยาดวงตาพิการ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้และบ้านทั้ง 2 หลัง เป็นพื้นที่ของธนารักษ์ อย่างไรก็ตาม หลังเข้ามาสำรวจพื้นที่แล้ว ก็จะได้เร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุง โดยในเบื้องต้นนี้ได้มอบหมายกองช่าง ทต.กมลาไสย นำรถมาปรับเกรดและนำดินลูกรังมาถมพร้อมบดอัดอย่างดี เพื่อการเดินทางเข้าออกสะดวกสบายกว่าเดิม
ทั้งนี้ นางกัญญาภัทร สีบุญมา ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม กล่าวว่า ทั้ง 2 สามีภรรยา เป็นผู้พิการทางสายตาทั้ง 2 คน ได้รับเบี้ยสวัสดิการคนละ 800 บาทต่อเดือน และเคยมีรายได้จากการนวดแผนไทย มีรายได้เดือนละประมาณ 2,000 บาท แต่พอเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ทั้ง 2 ขาดรายได้ เพราะไม่มีชาวบ้านมาใช้บริการ ทั้งนี้ ทางคณะผู้บริหาร ทต.กมลาไสย และกองสวัสดิการสังคม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะคอยดูแลครอบครัวนี้ ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ตามโครงการกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เทศบาลกมลาไสยไม่ทอดทิ้งกัน