เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ภาคอีสาน – เรื่องร้องเรียนเจ้าคุณวัดดังเมืองน้ำดำ “หลวงพ่อเมือง” เสพเมถุนของ “สีกาบี” คืบหน้าแล้ว เจ้าคุณจังหวัดกาฬสินธุ์เผยตั้งกรรมการสอบตั้งแต่รับเรื่อง เบื้องต้นเจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมวาส ให้การปฏิเสธ และด้วยเหตุโรคระบาดโควิด-19 จึงชะลอการทำงานไว้ก่อน และปี 64 นี้เดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อ
กรณี น.ส.โสมณุดา สัมมานุช หรือสีกาบี ได้ออกมาทำหนังสือร้องเรียนถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของรายการสนธิทอล์ก หรือคุยทุกเรื่องกับสนธิ และสื่อเครือผู้จัดการ ให้ช่วยเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวในวงการคณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์ สายธรรมยุต ว่าพระชั้นผู้ใหญ่ พระโพธิญาณมุนี หรือหลวงพ่อเมือง พลวัฑโฒ เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมวาส บ.ดงเมือง ต.ลำพาน อ.เมืองฯ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกันมีเพศสัมพันธ์ชู้สาว กล่าวคือมีการเสพเมถุนร่วมกันกับตนเอง โดยเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2557 และสีกาบีได้ร้องเรียนพฤติกรรมของหลวงพ่อเมืองถึงเจ้าคณะจังหวัดและอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พ้นจากการเป็นพระ ไม่ให้พุทธศาสนามัวหมอง
ล่าสุด วันนี้ (26 มี.ค.) ทีมข่าวเฉพาะกิจเครือผู้จัดการ ได้เดินทางไปที่วัดภูปูนในฝัน ต.แซงบาดาล อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมตรวจธรรมสนามหลวง คณะธรรมยุต ภาค 9 ทีมข่าวได้ขอเข้าพบพระญาณรักขิต เจ้าอาวาสวัดภูปูนในฝัน ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ฝ่ายธรรมยุต และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายธรรมยุต เพื่อสัมภาษณ์ต่อกรณีที่ น.ส.บีร้องเรียนดังกล่าว
การเข้าพบครั้งนี้ คณะสงฆ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระสังฆาธิการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการได้อธิบายถึงความคืบหน้าในการดำเนินการในส่วนของคณะสงฆ์ ที่รับว่ากรณีการร้องเรียนดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และยืนยันว่าคณะสงฆ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เนื่องจากไม่มีประสบการณ์และเป็นการสอบพระผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาจึงต้องตีความตาม พ.ร.บ.สงฆ์ฯ
พระครูสิทธิวราคม เจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ (ธ) จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กรณีเรื่องของ น.ส.โสมณุดา สัมมานุช หรือ สีกาบี มีการร้องเรียนที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งคณะสงฆ์รู้จากข่าว และการเคลื่อนไหวร้องเรียนที่ผ่านมา สีกาบีไม่ได้ทำเป็นเอกสารร้องเรียนมายังคณะสงฆ์กาฬสินธุ์ หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ มีแต่เคลื่อนไหวทางศาล จนเมื่อประมาณปี 2559 สีกาบี ได้ทำหนังสือร้องไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 1 ฉบับ และมายื่นต่อเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) อีก 1 ฉบับ ระหว่างนั้น พระเทพสารเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ได้เชิญคณะสงฆ์ซึ่งเป็นพระสังฆาธิการมาประชุมเพื่อหารือ
ในครั้งนั้นได้มีมติให้นิ่งเฉยก่อน เนื่องจากสีกาบีได้ร้องทุกข์ไปหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ปปง. ดีเอสไอ จนเรื่องขึ้นสู่ศาล
ต่อมาในปี 2562 หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางศาล สีกาบีได้ทำหนังสือทวงถามถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครั้งนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ส่งหนังสือสอบถามมายังเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ที่ 0006/0693 ลงวันที่ 9 กันยายน 2562 เรื่องตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระโพธิญาณมุนี (เมือง พลวฑโฒ) โดยขอให้เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่พร้อมให้รายงานให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทราบ
หลังจากนั้น พระเทพสารเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) จึงได้ มีคำสั่ง ที่ 1/2562 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัยของพระโพธิญาณมุนี (เมือง พลวฑโต) พระชั้นสามัญ แห่งวัดป่ามัชฌิมาวาส (ธ) แต่เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) มีศาสนกิจมาก เหตุได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการเจ้าคณะภาค 8 (ธ) จึงได้มอบหมายให้ พระญาณรักขิต รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ปฏิบัติหน้าที่แทน รับผิดชอบดำเนินการตามพระธรรมวินัย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และกฎมหาเถรสมาคม
โดยอาศัยอำนาจความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ข้อ 15 (1) (2) (3) และข้อ 17 แห่งกฎหมายมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 พ.ศ. 2541 แต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย 1. พระญาณรักขิต รองเจ้าคณะจังหวัดกาสินธุ์ (ธ) เป็นประธานกรรมการ 2. พระครูจิตตสังวรคุณ เจ้าคณะอำเภอนามน (ธ) 3. พระครูสิทธิวราคม เจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ (ธ) 4. พระครูวรจิตตานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ (ธ) 5. พระครูสุนทรวินัยรส เจ้าคณะอำเภอคำม่วง (ธ) กรรมาการและ 6. พระครูปลัด ธีรวุฒิ ปญญาวุฑโฒ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) กรรมาการและเลขานุการ และ 7. นายศุภเดช การถัก ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
เจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ (ธ) จ.กาฬสินธุ์ กล่าวต่อว่า หลังตั้งกรรมการดังกล่าวเสร็จแล้วก็ได้ประชุมเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการได้พิจารณาข้อร้องเรียน จำแนกได้ 3 เรื่อง แต่ได้รับการตรวจสอบเพียงเรื่องเดียวคือ ตรวจสอบกรณีการเสพเมถุน ส่วนเรื่องตรวจสอบรายได้ของวัดย้อนหลัง 5 ปี จากปี 2557 มีมติไม่สอบสวนเนื่องจากเห็นว่าผู้ร้องสามารถไปร้องขอให้สำนักงานพุทธศาสนาตรวจสอบเองได้
ส่วนอีกเรื่องเป็นการขอให้ความคุ้มครองกับตัวสีกาบี และครอบครัว มีมติไม่ดำเนินการเนื่องจากเป็นเรื่องของตำรวจที่จะต้องเข้ามาดูแล
“ผลการตรวจสอบนั้น คณะกรรมาการได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังหลวงพ่อเมืองทันที ซึ่งที่ผ่านมาหลวงพ่อเมืองได้ตอบปฏิเสธและยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และทางหลวงพ่อเมืองได้ชี้แจงเป็นเอกสารทางกฎหมายพร้อมกับปฏิเสธคลิปภาพเสียงที่มีการกล่าวหา ซึ่งคณะสังฆาธิการก็ยังไม่ได้ยุติเรื่อง” พระครูสิทธิวราคมกล่าว และอธิบายต่อว่า ประมาณต้นปี 2563 คณะกรรมการมีมติเห็นชอบว่าจะทำหนังสือขอเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะเดินทางไปที่วัดป่ามัชฌิมาวาส แต่ก็มาติดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ซึ่งก็ส่งผลให้คณะสงฆ์มีปัญหาในการประกอบศาสนกิจ จึงได้ชะลอเรื่องไว้และกำลังจะดำเนินการต่อในปี 2564 นี้
“อาตมายืนยัน คณะสงฆ์และกรรมการไม่คิดที่จะถ่วงเวลา เพราะนอกจากความล่าช้าที่เกิดจากโรคระบาด ยอมรับว่ากรณีนี้คณะสงฆ์ไม่มีประสบการณ์ เพราะการพิจารณาจะต้องรอบคอบถี่ถ้วน ยึดพยานหลักฐานเป็นหลัก และคาดว่าหลังจากสถานการณ์โรคระบาดดีขึ้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขอเข้าไปตรวจสอบภายในวัดของหลวงพ่อเมือง” พระครูสิทธิวราคมกล่าวย้ำ
ทางด้านแหล่งข่าวในแวดวงคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ระบุว่า ในทางพระพุทธศาสนาหากพระภิกษุมีพฤติกรรมไปเสพเมถุนต้องปาราชิก เพราะคำว่าปาราชิกนั้นหมายถึงความพ่ายแพ้แก่หมู่คณะสงฆ์ ไม่สามารถที่จะอยู่เป็นพระได้ต่อไป แม้ไม่ถูกจับสึกก็สึกโดยอัตโนมัติ ตรงนี้คือสาระสำคัญของพระธรรมวินัย แต่ถ้าในเรื่องของการปกครอง หากมีความชัดเจนและคำวินิจฉัยว่าเสพเมถุนก็ต้องสึกตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ซึ่งบัญญัติไว้เกี่ยวกับการลงโทษ ถ้าพระมีตำแหน่งก็ต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งก่อน การเสพเมถุนจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวถ้าพระรูปนั้นยอมรับก็จบเรื่องไป แต่ถ้าไม่ยอมรับก็ต้องพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐาน